เกิดเป็นฟรีแลนซ์ต้องระบุข้อตกลงในสัญญาจ้างให้เป๊ะ 100 เปอร์เซ็นต์
อย่างที่รู้กันว่า เวลามีใครมาจ้างเราทำงานฟรีแลนซ์ ไม่ว่างานประเภทไหนๆ ก็ตาม ทุกๆ ครั้ง เราควรจะต้องมีการทำ ‘สัญญาจ้างทำของ’ ไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งในทางกฎหมายถือว่า เป็นเรื่องที่ดี และปลอดภัยต่อการทำงานกันอย่างสบายใจมากที่สุด เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา ไม่ว่าครั้งไหนๆ ก็สามารถนำเอาสัญญาจ้างไว้มาใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องได้ในกรณีที่เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น หรือแม้แต่การยืนยันเรื่องข้อตกลง เมื่อเกิดกรณีการทำงานที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลงสามารถหยิบยกเอาสัญญาที่มีระบุไว้เป็นข้อๆ ขึ้นมาโต้แย้งและกางให้เห็นได้ทันที หรือถ้าทำงานไปเรื่อยๆ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงบรีฟ สโคปงาน หรือเพิ่มเติมความต้องการของลูกค้าในงาน จะได้มีการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติม เพื่อจ่ายค่าจ้างให้เหมาะสมกับเนื้องานได้อีกด้วย
รายละเอียดที่ฟรีแลนซ์ควรระบุไว้ในสัญญาไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
1. รายละเอียดงานต้องละเอียดจริง
ต้องระบุว่า ผู้ว่าจ้างจะบรีฟงาน หรือจ้างให้เราทำงานแบบไหน ต้องทำอะไรบ้าง พูดง่ายๆ ก็คือรายละเอียดงานเป็นยังไงต้องรู้ให้หมดอย่างครบถ้วน
2. ขอบเขตการทำงานต้องเป๊ะ
เราต้องเริ่มทำงานและจบงานเมื่อไหร่ การส่งมอบงานเป็นแบบไหน หรือแม้แต่จะขยายระยะเวลาการทำงานได้หรือไม่ และที่ลืมไปไม่ได้เลยจริงๆ ก็คือเรื่องเงินๆ ทองๆ เราต้องเก็บเงินก่อนลงมือทำงานจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์ การเบิกจ่ายเงินค่าจ้างทั้งหมดเป็นอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้นในแต่ละขั้นตอนบ้าง จุดนี้ต้องใส่ใจให้มากๆ เพราะเรื่องเงินคือเรื่องที่สำคัญต่อปากท้องของเรานั่นเอง
3. ขอบเขตของการตรวจสอบงานต้องไม่มั่วซั่ว
แม้ในสัญญาจ้างทำของ ผู้รับจ้างจะต้องยินยอมให้คนจ้างตรวจตามงานได้เรื่อยๆ แต่ถ้าเราซีเรียสเรื่องการตรวจสอบและทวงงานเป็นเวลา เราควรทำสัญญาที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ให้ผู้ว่าจ้างหรือลูกค้าตรวจตามงานได้ในช่วงเวลาไหนบ้าง เพื่อให้มีระยะเวลาการตรวจงานที่ผู้รับจ้างปฏิเสธได้ ถือเป็นหลักของกฎหมายแพ่งที่เราทำได้ ในกรณีที่เขียนสัญญาตกลงระหว่างคู่สัญญาสองฝ่าย
ถ้าทำสัญญาครอบคลุม ไม่ว่าผู้ว่าจ้างคนไหน ก็จะไม่สามารถทำตัวนอกลู่สัญญาได้ ฉะนั้นถ้าคิดว่า มีสิ่งไหนที่รบกวนการทำงาน ก็คุยกับผู้จ้างได้ก่อนเริ่มลงมือทำ เพื่อทำสัญญาออกมาให้เป๊ะปัง แล้วจะได้ง่ายดายต่อการทำงานร่วมกันอย่างเป็นมืออาชีพ ส่วนถ้าฟรีแลนซ์คนไหนอยากระบุรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ตามความต้องการส่วนตัว ก็เพิ่มเติมข้อตกลงเข้าไปได้ หากมีการตกลงปลงใจและรับรู้กันทั้งสองฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สรุปก็คือ การมีสัญญาจ้างไว้ ถือเป็นข้อดีมากๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการฟ้องคดีความต่อศาล เพื่อนำมาเพิ่มน้ำหนักและประกอบการนำสืบข้อเท็จจริงเรื่องการจ้างได้อีกที เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ก่อนเริ่มงานใดใด ก็ควรทำสัญญาจ้างกันให้เรียบร้อย อย่าลืมว่า เป๊ะเรื่องงานแล้ว เรื่องกฎหมายก็ต้องเป๊ะ 100 เปอร์เซ็นต์ด้วยเหมือนกันนะ
