ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ผู้คนเลือกที่จะอยู่อาศัยคนเดียวมากขึ้น เทรนด์นี้จึงทำให้เกิด Lonely Economy ขึ้น (เศรษฐกิจของไลฟ์สไตล์การอยู่คนเดียว) Lonely Economy นั้นแสดงถึงผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์และโอกาสที่เกี่ยวข้องกับจำนวนผู้คนที่เลือกที่จะใช้ชีวิตคนเดียว บทความนี้เราจะไปทำความเข้าใจกับแนวคิดของ Lonely Economy, ค้นหาความหมายของแต่ละส่วน และมองหาโอกาสสำหรับการทำธุรกิจ
เมื่อผู้คนหันไปใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้น
Lonely Economy ถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงภาวะปกติของสังคม, การขยายตัวของสังคมเมือง, การแต่งงานที่น้อยลง และการให้ความสำคัญกับปัจเจกนิยม (Individualism) ผู้คนเริ่มมีการอยู่คนเดียวมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการที่เป็นลักษณะเฉพาะที่ธุรกิจต้องทำความเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการ
ที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์
Lonely Economy มีผลสำคัญต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์ มีการเพิ่มของอุปสงค์ของที่อยู่อาศัยขนาดที่เล็กลง และช่วงราคาที่สามารถจ่ายได้ ผู้พัฒนาและผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์สามารถคว้าโอกาสนี้โดยการสร้างที่อยู่อาศัยที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่คนเดียวเช่น ห้องชุดขนาดเล็ก (Micro-Apartments) หรือพื้นที่อาศัยร่วมกัน (Co-Living Spaces) ที่ส่งเสริมการมีความเชื่อมโยงกันของผู้ที่อยู่อาศัย
สิ่งบันเทิงและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ
เนื่องจากผู้คนล้วนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่คนเดียว ความต้องการในเรื่องของสื่อบันเทิงและกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจสำหรับผู้ที่ชอบอยู่คนเดียวนั้นจึงเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บริการสตรีมมิ่ง, เกมส์ออนไลน์ และคอนเทนต์ดิจิตอล ล้วนเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้โดยการนำเสนอทางเลือกของสิ่งบันเทิงสำหรับบุคคลที่จะสามารถเพลิดเพลินได้อย่างอิสระ ในทำนองเดียวกันสิ่งอำนวยสะดวกเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ, สตูดิโอฟิตเนส และธุรกิจที่เน้นการทำกิจกรรมยามว่างสามารถเข้ามามีส่วนร่วมใน Lonely Economy โดยการนำเสนอประสบการณ์สำหรับปัจเจก
การเดินทางและท่องเที่ยว
การเดินทางคนเดียวนั้นได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ที่เดินทางสามารถค้นหาโอกาสที่จะค้นหาตัวเองและเดินทางผจญภัย อุตสาหกรรมการเดินทางและท่องเที่ยวมีหน้าที่นำเสนอประสบการณ์ที่ถูกสร้างมาเฉพาะเพื่อนักเดินทางเพียงลำพัง เช่น ห้องพักสำหรับผู้เดินทางลำพัง, แพ็คเกจทัวร์สำหรับผู้มาคนเดียว และกิจกรรมกลุ่มที่สนับสนุนการเกิดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างกลุ่มผู้ผจญภัยเพียงลำพัง ภาคส่วนธุรกิจนี้สามารถใช้ประโยชน์จาก Lonely Economy โดยการจัดกาบริการที่ให้บริการสิ่งที่จำเป็นและสิ่งที่ต้องการสำหรับนักเดินทางที่เดินทางเพียงลำพัง
การสร้าง Community
Lonely Economy มีลักษณะการที่ผู้คนอาศัยเพียงลำพัง แต่ก็ยังมีความต้องการที่จะติดต่อและความรู้สึกความเป็นชุมชน ธุรกิจสามารถเป็นสะพานที่เชื่อมโยงช่องว่างนี้โดยการสร้างแพลตฟอร์ม, อีเว้นท์ และประสบการณ์ที่นำบุคคลที่มีความคิดเหมือนกันมารวมตัวกัน แอปเครือข่ายสังคม (Social Networking Apps), พื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working Spaces) และชุมชนที่อยู่บนพื้นฐานของความสนใจ (Interest-based Communities) สามารถทำให้มีโอกาสสำหรับปัจเจกที่อยู่ตามลำพังที่จะติดต่อสื่อสาร, ทำงานร่วมกัน และสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย
การเติบโตของ Lonely Economy สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลของสังคมที่ผู้คนเปลี่ยนมามีไลฟ์สไตล์การอยู่คนเดียวมากขึ้น การทำความเข้าใจสิ่งที่เกี่ยวข้องและโอกาสที่เกิดขึ้นจากเทรนด์นี้เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ความต้องการเฉพาะตัวของบุคคล, ความชื่นชอบ และความปรารถนาของผู้ที่อยู่เพียงลำพัง ธุรกิจสามารถปรับการนำเสนอสินค้าในตลาด Lonely Economy สำหรับคนที่อยู่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นตลาดที่อยู่อาศัย, สิ่งบันเทิง, การเดินทาง, การค้าปลีก หรือการติดต่อสื่อสาร การเปิดรับเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยผู้คนที่อยู่คนเดียว จะเปิดโอกาสใหม่ในการนวัตกรรม เติบโต และประสบความสำเร็จในสังคมและตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
