ทำยังไงให้ลูกค้าติดหนึบ จะกี่งานๆก็ส่งมาให้คุณ!

การมีลูกค้าประจำ คือ ลาภอันประเสริฐสำหรับฟรีแลนซ์ เพราะมันหมายถึงความมั่นคงของการประกอบอาชีพที่เพิ่มขึ้น ถ้าลูกค้าพอใจ เมื่อผู้ว่าจ้างมีงานแนวนี้อีก คุณจะเป็นคนแรกที่ผู้ว่าจ้างนึกถึงอย่างแน่นอน 100 ทั้ง 100 ของลูกค้า ไม่มีใครอยากเสี่ยงจ้างมั่วซั่ว ถ้าเขารู้ว่ามีคนที่เขาเชื่อใจได้อยู่แล้ว (เคยจ้างแล้ว และมีประสบการณ์ที่ดี) ก็จะจ้างคนนั้นไปยาวๆ แน่นอน

แล้วจะทำยังไงล่ะ? ให้ลูกค้าประทับใจแล้วจ้างเราต่อไปเรื่อยๆ Fastwork มีเทคนิคดีๆ มาฝากมาดูกันเลย

1. Welcome Message

ใช้ข้อความต้อนรับ เพื่อทักทายหรือขอรับบรีฟงาน ช่วยให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่าต้องรอและทำให้การบรีฟงานเกิดได้เร็วขึ้น สะดวกต่อทั้งฟรีแลนซ์และผู้ว่าจ้าง ฟรีแลนซ์สามารถตั้งข้อความต้อนรับของผลงานได้อย่างอิสระ ไม่มีข้อจำกัด

2. ภาษาที่ใช้ก็สำคัญ

การจ้างงานบน Fastwork เริ่มขึ้นในลักษณะการคุยผ่านแชท ดังนั้นจะพิมพ์อะไรลงไปต้องคิดให้ดีก่อน เพราะภาษาพิมพ์มีข้อจำกัดด้านการสื่ออารมณ์/น้ำเสียง

  • อย่าพิมพ์ห้วนๆ เพราะจะทำให้คุณดูไม่นอบน้อม พูดจาดีๆ และแสดงความใส่ใจ
  • พยายามสื่อสารให้เข้าใจง่ายที่สุด อย่าใช้ภาษาเฉพาะเกินไป (เช่น ศัพท์ IT)
  • ใช้ภาษาโทนเดียวกับลูกค้า เช่น ถ้าลูกค้ามาแบบทางการ ก็ควรพิมพ์แบบมืออาชีพ

3. การติดตามลูกค้า

หลังจากขายงานได้แล้วถ้าคุณหายไปเลย ผู้ว่าจ้างคงไม่สบายใจแน่ ควรคอยอัพเดทความคืบหน้า ตอบให้เร็วเมื่อมีข้อสงสัย อย่าลืมสอบถามความพึงพอใจและสิ่งที่อยากให้ปรับปรุง เพื่อที่คุณจะได้สามารถพัฒนาตนเองต่อไปด้วยพยายามทำงานให้เสร็จทันเวลา และทำให้ได้คุณภาพและรายละเอียดตามที่สัญญากับลูกค้าไว้

4. เป็นมากกว่าฟรีแลนซ์

ผู้ว่าจ้างหลายๆ คนเพิ่งมาใช้บริการและอาจไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี ดังนั้นฟรีแลนซ์ควรช่วยแนะนำการใช้งาน เพราะถ้าเขาถามคุณแล้วคุณตอบเลย ยังไงก็เร็วกว่าแน่นอน ยิ่งลูกค้าไม่ติดขัดฟรีแลนซ์ก็ยิ่งเริ่มงานได้เร็ว พยายามให้ข้อเสนอแนะ ช่วยคิด ช่วยเสนอไอเดีย นอกเหนือจากงานที่ได้รับบรีฟ จะเป็นการสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ว่าจ้างได้อย่างมากเลยล่ะ 

5. ตอบแชทต้องไว ออนไลน์บ่อยๆ

ปัญหาที่ฟรีแลนซ์ต้องแห้วงานบ่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากการตอบแชทลูกค้าช้าและไม่ค่อยออนไลน์ การที่ลูกค้าสอบถามเข้ามาแล้วต้องรอคำตอบนานเกินไป แน่นอนว่าลูกค้าย่อมทักแชทไปหาฟรีแลนซ์คนอื่นแทน ทำให้คุณต้องพลาดงานไปอย่างน่าเสียดายทั้งๆ ที่คุณเป็นเบอร์แรกที่ลูกค้าสนใจ ถามมาต้องตอบให้ไวและออนไลน์ให้บ่อย แค่นี้โอกาสขายงานได้ก็สูงแล้ว

6. ไม่ตื้อแต่เสนอทางเลือกให้

หลายครั้งลูกค้าเลือกที่จะไม่ซื้องานเพราะรู้สึกอึดอัดใจ ฟรีแลนซ์ที่พยายามรวบหัวรวบหางอยากได้งานไวๆ ทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่วางใจและอดคิดไม่ได้ว่า ถ้างานดีจริงทำไมต้องตื้อขายขนาดนี้ ดังนั้นแล้วหากลูกค้าสอบถามเข้ามาให้พูดคุยตามสมควร ไม่เร่งรัดให้รีบตัดสินใจเร็วเกินไป

อาจใช้คำพูดอ้อมๆ ที่ช่วยสร้างมูลค่าให้กับตัวเองได้มากกว่าอย่างเช่น ถ้าสนใจยังไงรบกวนแจ้งกลับไวนิดนึงนะครับ/ค่ะ พอดีคิวสัปดาห์นี้เริ่มแน่นแล้วน่ะครับ/ค่ะ แล้วไม่ต้องตื้ออีก อาจเว้นช่วงไปซัก 2-3 วันแล้วสอบถามไปอีกครั้งว่า ยังสนใจจ้างอยู่มั้ย พอดีจะปิดคิวงานของสัปดาห์นี้แล้ว แค่ครั้งเดียวพอ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจหากต้องการกลับมาสอบถามบริการจากคุณอีกครั้ง

7. ฟังบรีฟงานอย่างตั้งใจ ไม่หลงประเด็น

งานจะออกมาได้ตรงใจผู้จ้างหรือไม่ ความเข้าใจขณะบรีฟงานสำคัญที่สุด ฟรีแลนซ์ควรสอบถามความต้องการของผู้จ้าง รูปแบบงานแบบไหนที่อยากได้ และจุดประสงค์ของงานนี้ทำขึ้นมาเพื่ออะไร ยกตัวอย่างเช่น งานเขียนบทความสินค้า ฟรีแลนซ์ควรขอข้อมูลสินค้ามาให้มากที่สุด กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสินค้าคือใคร ช่วงอายุเท่าไหร่ ราคาขายของสินค้า

ที่สำคัญคือ ต้องการจะให้บทความส่งสารอะไรไปยังลูกค้า การเข้าใจความต้องการของผู้จ้างอย่างชัดเจน จะช่วยให้ฟรีแลนซ์ทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาปรับแก้งาน และที่สำคัญเมื่องานออกมาดีโดนใจ ผู้จ้างย่อมอยากกลับมาใช้บริการอีกบ่อยๆ อย่างแน่นอน

8. ไม่รับงานเยอะจนเกินขีดจำกัด งานต้องส่งตรงเวลา

เพราะงานฟรีแลนซ์ไม่มีอะไรมาการันตีว่าจะมีงานเข้ามาตลอด จึงทำให้หลายคนจัดการคิวงานพลาดและรับงานมากเกินไปเพราะถือคติน้ำขึ้นให้รีบตัก สุดท้ายก็ทำส่งไม่ทัน ทำให้งานของลูกค้าเสียหายและเกิดปัญหาร้องเรียน จนทำให้ฟรีแลนซ์กลายเป็นคนที่ขาดความน่าเชื่อถือ และไม่มีใครอยากซื้องานอีก

นอกจากนี้การรับงานเยอะเกินไป ถึงแม้จะส่งทันเวลาแต่ก็อาจมีผลกับคุณภาพของงานที่ด้อยลง ส่งผลให้ลูกค้าไม่ถูกใจและไม่อยากกลับมาใช้บริการอีก ดังนั้นแล้วควรบริหารจัดการเวลาให้ดี หากบางงานที่เร่งด่วนไม่สามารถทำได้ทันก็ควรปฏิเสธ แล้วแจ้งลูกค้าว่าหากมีงานชิ้นต่อไปหวังว่าจะได้ร่วมงานกัน แบบนี้น่าจะดีที่สุด

9. ไม่ตัดราคา อย่าดูถูกคุณค่าของตัวเอง

เคยสังเกตไหมว่า ฟรีแลนซ์หลายคนที่ประสบความสำเร็จมีงานแน่นคิวเต็มตลอด ไม่ใช่คนที่ขายงานในราคาถูกที่สุด แต่คือคนที่กำหนดราคาที่เหมาะสมกับงาน สำหรับลูกค้าแล้วการเข้ามาว่าจ้างส่วนมากมักมีงบประมาณในใจอยู่แล้ว ดังนั้นหากคุณมั่นใจในฝีมือของตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องลงราคาค่าจ้างที่ต่ำเกินไป

เพราะการทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่แต่ได้รับค่าตอบแทนอันน้อยนิด อาจทำให้คุณได้งานเยอะ แต่คุณจะเดินบนเส้นทางนี้ไม่ได้ไกลเพราะความท้อใจและรู้สึกไม่คุ้มค่าเหนื่อย นอกจากนี้การตัดราคาของคุณอาจกำลังทำร้ายวงการฟรีแลนซ์อยู่โดยที่คุณไม่รู้ตัวอีกด้วย

10. อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง

อย่าจมปลักอยู่กับความมั่นใจผิดๆ ว่าตัวเองเก่ง โลกหมุนอยู่ทุกวันแค่คุณหยุดเดินนั่นก็หมายความว่าคุณกำลังถอยหลังแล้ว หมั่นหาความรู้ใส่ตัวเยอะๆ เดี๋ยวนี้มีสารพัดเทคโลยีเข้ามาช่วยให้คุณได้อ่าน ได้ดู ได้เรียนรู้มากมาย แวะไปดูโปรไฟล์ของคนที่ขายงานเก่งๆ บ้างก็ได้ ดูว่าเค้าทำงานยังไง รีวิวจากลูกค้าชื่นชมตรงไหนเป็นพิเศษ แล้วนำกลับมาพัฒนาตัวเอง

อย่ามองเพื่อนร่วมอาชีพว่าเป็นคู่แข่ง ให้มองเห็นเป็นมิตรที่ควรร่วมแบ่งปันไอเดีย ความรู้ เทคนิคต่างๆ เพราะลูกค้าก็เหมือนกับปลาในทะเลที่มีอยู่มากมาย อย่ามัวแต่ไปเสียเวลาแข่งกับใคร หาวิธีจับปลาตามแบบของตัวเองให้ได้ แล้วแข่งกับตัวเอง นั่นคือการพัฒนาที่ดีที่สุด

ได้รู้เคล็ดลับดีๆ กันไปแล้ว ก็อย่าลืมนำไปลองทำกันดูล่ะ หากลงมือทำแล้วได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไร อย่าลืมมาบอกเล่าให้ชาว Fastwork ได้ฟังกันด้วยนะ  🙂

Related Posts
This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.